หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ตั้งใจให้ลูกน้อยโตขึ้นอย่างสดชื่นในทุกๆวันถือเป็นความหวังสูงสุดของผู้ที่เป็นแม่และพ่ออย่างมากมาย เวลาที่ลูกเจ็บไข้ หัวอกของพ่อแม่ก็แทบแตก

แต่การที่ลูกจะมีพลานามัยดี และสดชื่นนั้นก็มิใช่จะมีขึ้นกับเด็กทุกคน เหมือนกับน้องแอมป์ลูกสาวคนเล็กของคุณยุพาพร ลูกน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็จำต้องพบกับโรคชั่วร้าย ล้มเจ็บเป็นโรคมะเร็งในช่องท้อง

“ยามค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดมีไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องเร่งรีบพาส่งโรงหมอโดยไว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 แต่ก่อนนี้มีอาการท้องป่อง ปวดท้องอย่างเหลือหลาย อาการท้องผูก และอุจจาระแข็ง หมอขอทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อสำรวจหามะเร็งและนำเลือดไปตรวจค้นที่ห้องแล็ป”

“ผลการวินิจฉัยเจอก้อนเนื้องอกในท้องของน้อง มีความยาวโดยประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดหน้าท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปสืบสวนเพื่อมองหาคำตอบ ตอนนั้นหมอก็แจ้งกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้เตรียมใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปตรวจนั้น อาจจะเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงหมออย่างกับฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ฉันทำได้เพียงก้มศีรษะแล้วอุ้มลูกมาโอบกอดไว้ที่อก ลูกเองก็กอดรัดแม่เอาหน้าซบไหล่ ได้แต่บอกในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องไปจากกันแล้วเหรอ แล้วบอกกับตนเองว่าน้องยังตายมิได้แม่จะกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อขอให้ลูกดำรงชีพอยู่ เมื่อถึงที่พักก็ไม่คุยกับใครได้แต่สวดมนต์จนพ่อของน้องโทรมาหาฉัน ดิฉันเล่าไปร้องไปจนปวดหัว พ่อน้องพูดว่าเช่นใดก็ต้องรักษาพยาบาล”

ผลสำรวจจากห้องปฏิบัติการถูกเอามาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่ส่งไปตรวจสอบนั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็จำเป็นจะต้องรีบเร่งทำการรักษาด้วยการให้คีโม

“การฉายแสงครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม เป็นเหตุให้เส้นของน้องระเบิด มีไข้ และเกล็ดเลือดตกต่ำ คุณหมอทำการพิจารณาสแกนกระดูก เมื่อกลับพักดูแลตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องร่วมแรงร่วมใจฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ลูกทุกเมื่อเชื่อวัน ลูกก็ยังต้องกินยาลดความดันสูงแต่ละวัน”

“ช่วงที่ทำคีโมผิวของน้องเริ่มดำคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากสีซีดจาง หน้าเซียว ผมก็คล้ายกับหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่ย่างเท้าก็ไม่มีแรง ทานอาหารได้น้อยลง และเขาจะร้องห่มร้องไห้หวั่นเกรงคนแปลกหน้า โดยเฉพาะแพทย์และนางพยาบาล”

แม้นจะอยู่ในช่วงความทุกข์ของญาติพี่น้อง เรื่องที่ดีก็บังเกิดพอให้ใครต่อใครในบ้านมีแรงใจขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เมื่อบ้านใกล้เรือนเคียงแนะนำน้ำ ACTIV120 ให้กับน้องได้ทดลองดื่ม

“หลานของเพื่อนบ้านคนนี้เป็นโรคลูปัสและได้นำน้ำแอคทิเวท (Activated Water)มาดื่มกับใช้ล้างตัว ผลสรุปคือหลานมีสภาพดีขึ้นมาก จากเรื่องนี้จึงตัดสินใจให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท พร้อมกันไปกับการบำบัด ตั้งแต่ตอนให้เคมีบำบัดครั้งแรกตอนเดือนกุมภา 2554”

“ฉันยังให้ลูกดื่มน้ำดื่มแอคทิเวท ไปกับการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมให้ดื่มน้ำอื่นอีกเลย และภายหลังทุกครั้ง ที่จะทำการฉายแสงก็จะต้องเจาะเลือดทุกคราว ผลสรุปเลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในมาตรฐานปกติวิสัยดี ไม่ต้องให้ยาเสริมใดๆ เลย มากกว่านั้นดิฉันยังปิติยินดีเหลือประมาณเมื่อผลสรุปการเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นปกติ”

ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือสมองกลความเร็วสูงครั้งที่สองทำภายหลังทีแรก 6 อาทิตย์ คราวนี้ผ่านการทำเคมีบำบัดครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 ไปแล้ว พบว่าก้อนเนื้องอกในท้องน้อยลงจากราวๆ 8 เซ็นต์ เหลือ 6 เซ็นติเมตร
ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สาม หลังจากครั้งที่สอง 12 สัปดาห์ ก้อนเนื้องอกในท้องหดตัวเหลือโดยประมาณ 3 เซ็นติเมตร
บทสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 4 ภายหลังครั้งที่ 3 16 อาทิตย์ กำลังรอผลจากคุณหมอเพื่อรอการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกให้เกลี้ยง

“น้องมีเม็ดเล็กๆขึ้นหน้าคล้ายๆกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม บางคราวรับประทานขนมแล้วเปรอะเปื้อนหน้ามีเม็ดขึ้น ฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำ ACTIV120 มาเช็ดหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบตัวลงถึงแม้ไม่ต้องทายา”

“ปัจจุบันนี้น้องสุขภาพแข็งแรงไม่เหมือนผู้ป่วย เป็นเด็กเบิกบาน อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า ACTIV120 ช่วยสนับสนุนอนามัยน้องได้"

“ก่อนหน้านี้ บุตรชายคนโตเป็นหวัดบ่อย ต้องพาไปหาแพทย์ทุกอาทิตย์ ตอนนี้ก็ให้ลูกนำน้ำดื่มแอคทิเวทไปดื่มที่โรงเรียนด้วยแต่ละวัน ดิฉันมีความเบิกบานมากเหตุเพราะเขาไม่เป็นโรคไข้หวัดอีกแล้ว”
เดี๋ยวนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำ ACTIV120 (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาแสบมาก ฉันใช้วิธีการการลืมตาในน้ำแอคทีฟ วันทูโอ ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ต้นไม้หน้าบ้านราวกับมันใกล้จะตายใบร่วงโรยและเริ่มเหลือง ใช้น้ำดื่มแอคทีฟ วันทูโอไปรด 2-3 ครั้ง สังเกตว่าต้นไม้ฟื้นคืนชีพและเขียวสดใสขึ้นมา”

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : น้ำ activ120

เครดิต : http://xn--42c2bah3a2cxbg7a0bzc4exa.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น